ลดเวลาทำงาน ไม่ได้แปลว่าผลงานลดลง
หลายคนอาจคิดว่าการทำงานน้อยลงหมายถึงประสิทธิภาพที่ลดลง แต่ในความจริงแล้ว การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่จำกัดสามารถให้ผลลัพธ์ที่เท่ากันหรือดีกว่าเดิมได้ ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดและปรับวิธีทำงาน
รู้จัก "งานที่สำคัญจริงๆ"
เวลาทำงาน 8 ชั่วโมงเต็มในแต่ละวัน ไม่ได้หมายความว่าทุกนาทีนั้นคือการทำงานที่จำเป็น หลายชั่วโมงหมดไปกับการประชุมที่ไม่จำเป็น การตอบอีเมลที่ไม่เร่งด่วน หรือการแก้ปัญหาที่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก การจำแนกว่างานใด “สำคัญ” และงานใด “ไม่จำเป็นต้องทำทันที” เป็นกุญแจแรกที่จะช่วยให้ทำงานน้อยลงแต่ยังคงประสิทธิภาพ
เทคนิค Time Blocking
การจัดตารางเวลาให้ทำงานเฉพาะเรื่องในแต่ละช่วงเวลา เช่น 9.00–11.00 น. ทำเฉพาะงานคิดวางกลยุทธ์ / 13.00–14.00 น. ตอบอีเมล จะช่วยให้สมองโฟกัสได้ดีขึ้น ลดการสลับงานไปมา และเพิ่มความเร็วในการทำงาน
พักผ่อนบ้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
การทำงานต่อเนื่องยาวๆ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำงานได้ดีเสมอไป สมองต้องการเวลาฟื้นฟู ลองใช้เทคนิค Pomodoro ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที หรือทำงาน 90 นาทีแล้วพัก 15 นาที จะช่วยให้พลังงานไม่ตก และคุณจะประหลาดใจกับความเร็วในการทำงาน
ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยลดเวลาการทำงาน เช่น ระบบจัดการงาน (เช่น Trello, Asana), โปรแกรมช่วยเขียนอีเมล หรือ AI อย่าง ChatGPT ที่สามารถช่วยคิดไอเดียหรือเรียบเรียงข้อความได้อย่างรวดเร็ว การใช้เครื่องมือพวกนี้ให้เหมาะสมจะช่วยให้คุณลดภาระซ้ำซ้อน
โฟกัสที่ "ผลลัพธ์" ไม่ใช่ "จำนวนชั่วโมง"
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ "คุณทำอะไรสำเร็จ" ไม่ใช่ "คุณนั่งทำงานนานแค่ไหน" การเปลี่ยนวิธีวัดความสำเร็จจากจำนวนชั่วโมงเป็นผลลัพธ์จะทำให้คุณมีชีวิตการทำงานที่สมดุลขึ้น และยังคงมีคุณภาพงานที่ดีเหมือนเดิม
เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ
คุณไม่จำเป็นต้องลดเวลาทำงานจาก 8 ชั่วโมงเหลือ 4 ชั่วโมงทันที แต่สามารถเริ่มจากการทดลองทำงานให้เสร็จภายในเวลา 6 ชั่วโมง และค่อยๆ ปรับวิธีทำงาน จนสามารถจัดเวลาให้ชีวิตสมดุลมากขึ้นได้ในที่สุด