สำหรับมนุษย์เงินเดือนคงคุ้นเคยดีกับคำว่า “ ประกันสังคม ” เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องจ่ายประจำทุก ๆ เดือน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเราจ่ายไปแล้ว เราต้องรู้ว่าเราได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
ประกันสังคมคืออะไร ?
ประกันสังคม คือ สวัสดิการของรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตให้ผู้ประกันตนได้รับความคุ้มครองในกรณีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเกิดจากการเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ให้ได้รับการรักษาพยาบาลและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้ประกันตนคือใคร ?
ผู้ประกันตน คือ ลูกจ้างที่ทำงาน (อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ในวันเข้าทำงาน) ประจำหรือไม่ได้ทำงานประจำก็ได้
สิทธิประโยชน์ประกันสังคมที่มนุษย์เงินเดือนจะได้รับ
1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย (ไม่เนื่องจากการทำงาน)
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสบทบ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน
- ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาพยาบาล เมื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่เลือก
- กรณีฉุกเฉินไม่ต้องสำรองจ่ายภายใน 72 ชั่วโมง รวมทั้งเบิกค่ารักษาได้ตามที่จ่ายจริง แต่จำกัดวงเงินต่างกันไปตามการรักษา
- ได้รับสิทธิในการทำทันตกรรม ไม่เกิน 900 บาท/ปี
- หากแพทย์ให้หยุดงานเพื่อรักษาตัว ยังได้รับเงินชดเชย จากการขาดรายได้ 50% ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ปีละไม่เกิน 180 วัน
2. กรณีคลอดบุตร
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสบทบ ไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน
(1) ผู้ประกันตนหญิง
- ได้รับค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 15,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- ได้เงินสงเคราะห์หยุดงานเพื่อคลอดบุตรในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือน เฉลี่ย 90 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง
(2) ผู้ประกันตนชาย
- ได้เฉพาะค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 15,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
3. กรณีทุพพลภาพ ไม่เนื่องจากการทำงาน
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสบทบ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน
(1) กรณีทุพพลภาพระดับความสูญเสียไม่รุนแรง ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน ตลอดระยะที่ไม่สามารถทำงานได้ ไม่เกิน 180 เดือน
(2) กรณีทุพพลภาพระดับความสูญเสียรุนแรง ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ตลอดชีวิต
- รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐฟรี
- รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
4. กรณีเสียชีวิต
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสบทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือน
(1) ได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท
(2) ได้เงินสงเคราะห์กรณีตาย
- จ่ายเงินสมทบ ตั้งแต่ 36 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 120 เดือน รับเงินสงเคราะห์ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าเฉลี่ย 4 เดือน
- จ่ายเงินสมทบ ตั้งแต่ 120 เดือนขึ้นไป รับเงินสงเคราะห์ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าเฉลี่ย 12 เดือน
5. กรณีสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนจ่ายเงินสบทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน จะได้ค่าสงเคราะห์บุตร เหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อคน
6. กรณีชราภาพ
(1) เงินบำนาญชราภาพ (จ่ายเงินสมบทบครบ 180 เดือน)
ได้รับเงินบำนาญชราภาพรายเดือน ร้อยละ 20 ของค่าเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง และหากจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน ปรับเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน
(2) เงินบำเหน็จชราภาพ (จ่ายเงินสมบทบไม่ถึง 180 เดือน)
- จ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตน
- จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป ได้รับเงินบำเหน็จชราเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนกับนายจ้างจ่ายสมทบ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน
7. กรณีว่างงาน
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสบทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน
- ถูกเลิกจ้าง ได้รับเงินทดแทนในระหว่างการว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 180 วัน
- ลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ได้รับเงินทดแทนในระหว่างการว่างงานในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 90 วัน
- ผู้ประกันตนต้องขึ้นทะเบียนและรายงานตัวกรณีว่างงาน ผ่านระบบภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง และรายงานตัวตามกำหนดนัดเพื่อมิให้เสียสิทธิในการรับเงินทดแทน