คุณส่งเรซูเม่ไปหลายที่มาก บางวันนั่งกรอกใบสมัครตั้งแต่เช้าจนเย็น แต่ผ่านไปหลายสัปดาห์กลับไม่มีแม้แต่ “เสียงตอบรับ” จากบริษัทไหนเลย สิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่เพราะคุณไม่เก่ง แต่เพราะ “คุณพลาดบางอย่าง” ที่หลายคนมองข้าม
1. เรซูเม่ของคุณสะท้อนตัวคุณจริงหรือเปล่า?
หลายคนใช้เทมเพลตเดิม ๆ ที่หาในอินเทอร์เน็ต แล้วกรอกข้อมูลแบบขอไปที จนเรซูเม่กลายเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ลองถามตัวเองว่า ถ้าคุณเป็น HR แล้วต้องอ่านเรซูเม่คุณใน 10 วินาทีแรก คุณจะจำอะไรได้บ้าง?
ทางแก้: ปรับเรซูเม่ให้มีจุดเด่นที่ชัดเจน เช่น สรุปประสบการณ์สำคัญไว้บนสุด ใช้คำเชิงผลลัพธ์ เช่น "ช่วยเพิ่มยอดขาย 30% ใน 6 เดือน" ไม่ใช่แค่ "ทำงานขาย"
2. ใช้ "ยิงแอด" สมัครงานแบบหว่านแห
คุณส่งเรซูเม่ไปทุกที่ที่เปิดรับ โดยไม่สนใจว่าเนื้องานตรงกับความสามารถหรือเปล่า การสมัครแบบนี้ทำให้เรซูเม่ของคุณดูไม่มีจุดยืน และอาจโดนมองว่าไม่รู้ตัวเองว่ากำลังหางานอะไรอยู่
ทางแก้: เลือกตำแหน่งที่ตรงกับทักษะและความสนใจจริง ๆ แล้วปรับเรซูเม่ให้สอดคล้องกับแต่ละตำแหน่ง อย่าส่งเรซูเม่ฉบับเดียวกันทุกบริษัท
3. เขียนอีเมลสมัครงานแบบขาดความใส่ใจ
บางคนแนบไฟล์เรซูเม่แล้วส่งเลย โดยไม่เขียนเนื้อหาหรือเขียนแบบรวม ๆ เช่น "ตามแนบครับ" ทั้งที่อีเมลคือประตูด่านแรกที่ HR จะใช้ตัดสินว่าคุณมีความตั้งใจมากแค่ไหน
ทางแก้: เขียนอีเมลสมัครงานให้มีใจความชัดเจน แสดงความสนใจในบริษัท และอธิบายสั้น ๆ ว่าทำไมคุณเหมาะกับตำแหน่งนั้น
4. โซเชียลมีเดียของคุณอาจเป็นตัวขวาง
หลายบริษัทส่องโซเชียลก่อนติดต่อสัมภาษณ์ หากโปรไฟล์ของคุณเต็มไปด้วยโพสต์ดราม่า หยาบคาย หรือโจมตีองค์กรเก่า โอกาสก็อาจหายไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
ทางแก้: ตรวจสอบความเรียบร้อยของโซเชียลมีเดียส่วนตัว ลบโพสต์ที่ไม่เหมาะสม และสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ
5. ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
ผู้สมัครจำนวนมากไม่สามารถตอบได้ว่า "คุณอยากทำงานอะไร" เมื่อไม่มีเป้าหมายชัดเจน ก็ยากที่จะเขียนเรซูเม่ให้น่าสนใจ และยิ่งยากที่จะทำให้บริษัทสนใจคุณกลับ
ทางแก้: ถามตัวเองให้ชัดว่าอยากทำงานอะไร และทำไม จากนั้นจึงวางแผนการสมัครงานให้ตรงเป้า
สรุป
การสมัครงานไม่ใช่เรื่องของจำนวน แต่คือคุณภาพและความตั้งใจ ถ้าคุณกำลังรู้สึกท้อ ลองย้อนกลับมาดูว่า "คุณพลาดตรงไหน" แล้วลงมือแก้ไขทีละจุด ความเปลี่ยนแปลงเริ่มได้จากเรซูเม่แผ่นเดียว — ถ้าคุณใส่ใจมากพอ